สวัสดีทุกคน หากพูดถึงการเที่ยวโดยรถไฟแล้ว เพื่อนๆ น่าจะคิดว่าคือการนั่งรถไฟเพื่อเป็นยานพาหนะสำหรับพาเราไปส่งสู่จุดหมายปลายทางใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าหากว่าการ “นั่งรถไฟ” นั้นคือการเที่ยวอย่างหนึ่งละ? หากการ “นั่งรถไฟ” ไม่ใช่แค่นั่งเฉยๆ เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย แต่เป็นสิ่งที่เราเพลิดเพลินได้เหมือนกับการไปนั่งคาเฟ่ชิวๆ หรือมีอาหารแบบฟูลคอร์สจัดให้ทานเหมือนภัตตาคารหรูระหว่างนั่งรถไฟล่ะ? เชื่อว่าทริปนั่งรถไฟทริปนั้นต้องสนุก ตื่นตาตื่นใจขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นหลายเท่าตัวอย่างแน่นอน เพื่อนๆ ว่ามั้ย? ใช่แล้ว! รถไฟธีมพิเศษแบบที่ว่านี้ก็คือ Joyful Train รถไฟขบวนพิเศษในเครือ JR East นั่นเอง
Joyful Train คือ รถไฟธีมพิเศษที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกสนาน พร้อมๆ กับให้ผู้โดยสารได้ค้นพบเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ท้องถิ่นที่รถไฟวิ่งผ่าน! ครั้งนี้เรามี Joyful Train ธีมกูร์เม่ต์ที่คัดสรรความอร่อยจากท้องถิ่นโทโฮคุมาเสิร์ฟให้บนรถไฟ แน่นอนว่าเมื่อเป็นรถไฟมีธีมแล้ว นอกจากของอร่อยก็ยังมีการตกแต่งภายใน บรรยากาศ หรือแม้กระทั่งวิวนอกหน้าต่าง ซึ่งล้วนถูกออกแบบมาอย่างดี เพื่อมอบความรู้สึก Joyful ให้กับผู้โดยสาร และไหนๆ เราแนะนำพิกัดชมใบไม้เปลี่ยนสีและอาหารห้ามพลาดในโทโฮคุกันไปแล้ว รอบนี้เราจะขอพาไปพบกับ 2 ขบวนพิเศษที่มีเอกลักษณ์สุดๆ คือ FruiTea Fukushima รถไฟคาเฟ่เคลื่อนที่ กับ TOHOKU EMOTION รถไฟภัตตาคารหรูเคลื่อนที่
ขอเกริ่นนิดว่าวันที่เราไปคือ ช่วงปลายเดือนตุลาคมของปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของภูมิภาคโทโฮคุ นอกจากจะได้พบกับความอร่อย ความสนุก บนรถไฟแล้วเรายังได้เพลิดเพลินกับวิวใบไม้แดงนอกหน้าต่างที่บอกได้เลยว่าหาดูที่ไหนไม่ได้นอกจากต้องนั่งรถไฟไปดูเท่านั้น!

เอาละได้เวลาออกเดินทางแล้ว ท็อปและคิน ทีมงาน ANNGLE ขอเป็นตัวแทนหมู่บ้านพาเพื่อนๆ ไปนั่งรถไฟ Joyful Train เที่ยวกัน! ตามมาเลย เย้
รีวิว FruiTea Fukushima รถไฟคาเฟ่เคลื่อนที่

แพลนเดินทางวันนี้ของเรา
ก่อนไปขึ้นรถไฟขอแนะนำแพลนเที่ยวคร่าวๆ ในวันที่เราไปขึ้น FruiTea Fukushima กันสักหน่อย เผื่อว่าเพื่อนๆ อาจดูไปเป็นตัวอย่างจัดแพลนเที่ยวของตัวเองบ้าง ช่วงเช้าเราขึ้นรถไฟ FruiTea Fukushima จากสถานี JR Koriyama เพื่อเดินทางไปลงที่สถานี JR Aizu-Wakamatsu เมื่อถึงแล้วก็แวะทานข้าวกลางวันใกล้ๆ สถานีรถไฟ จากนั้นขึ้นแท็กซี่เพื่อไปเดินเล่นถนนเมืองเก่านานุกะมะจิ (七日町, Nanukamachi) และขึ้นบัสต่อไปที่ปราสาทสึรุกะชื่อดังแห่งจ.ฟุกุชิม่า ถ้ามีเวลาเหลืออาจจะไประบายสีอะกะเบโกะ (สัญลักษณ์วัวแดงของฟุกุชิม่า) ที่ใกล้ๆ กับปราสาท=
FruiTea Fukushima คือรถไฟแบบไหนกันนะ

FruiTea Fukushima ออกเสียงตามภาษาญี่ปุ่นได้ว่า ฟรูเทีย ฟุกุชิม่า ที่มาของชื่อ FruiTea มาจาก Fruit (สื่อถึงผลไม้ท้องถิ่นที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในขนมหวานที่เสิร์ฟบนรถไฟ) + Tea (ชาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของคาเฟ่ ที่เป็นธีมหลักของรถไฟขบวนนี้) อีกทั้งรถไฟขบวนนี้วิ่งบนพื้นที่จังหวัดฟุกุชิม่า (福島県, Fukushima Prefecture) เป็นส่วนใหญ่ จึงรวมกันเป็น FruiTea Fukushima นั่นเอง โลโก้ประจำขบวนก็เก๋ไม่เบา เป็นรูปผลไม้และกาน้ำชาซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปต์เป๊ะเลย

ธีมของรถไฟขบวนนี้คือ “คาเฟ่เคลื่อนที่” มีบริการเสิร์ฟของหวานและเครื่องดื่มสไตล์คาเฟ่บนรถไฟ ประกอบไปด้วย 2 ตู้ที่ภายในถูกตกแต่งให้เป็นคาเฟ่!
ตู้ที่ 1 มีลักษณะเป็นเคาน์เตอร์ยาวๆ แบ่งออกเป็นส่วนที่จำหน่ายเครื่องดื่มและของที่ระลึกออริจินัล และมุมเครื่องดื่มชากาแฟเย็นและน้ำแร่ที่ผู้โดยสารสามารถมา Self Service ได้อิสระ อีกด้านมีเคาน์เตอร์ที่หันหน้าออกนอกหน้าต่างให้ดูวิวสวยๆ ได้ แบ่งเป็นส่วนที่มีเก้าอี้นั่งกับส่วนยืน ที่เคาน์เตอร์นี้ผู้โดยสารสามารถมาใช้ได้โดยไม่ต้องจอง และที่ต้องถูกใจสายถ่ายรูปเลยคือมีมุมและพร็อพถ่ายรูปเก๋ๆ ให้ได้ถ่ายรูปลงโซเชียลแบบรัวๆ อีกด้วย


ส่วนตู้ที่ 2 เป็นที่นั่งแบบ Box Seat สไตล์คาเฟ่ มีที่นั่งแบบ 1 คน, 2 คน และ 4 คน โดยที่นั่งออกแบบให้สามารถนั่งทานขนม จิบเครื่องดื่ม พร้อมกับชมวิวนอกหน้าต่างรถไฟได้ชิวๆ เรียกได้ว่าเปิดโลกแห่งการนั่งรถไฟแบบใหม่ที่แท้ทรู สาวๆ ที่ชอบผลไม้และของหวานสไตล์ญี่ปุ่นหรือสาย Cafe Hopping ต้องไม่พลาดนะขอบอก

เพลินเพลิดหลั่นล้าบนรถไฟ FruiTea Fukushima
เราขึ้น FruiTea Fukushima จากสถานี JR Koriyama ที่เป็นสถานีต้นทางสำหรับเดินทางไป JR Aizu-Wakamatsu

สำหรับคนที่จะไปขึ้น FruiTea Fukushima ก็ไม่ต้องกลัวหลงเพราะแม้แต่ที่พื้นสถานียังมีป้ายบอกทางไปขึ้นรถไฟนั่นเอง

เวลาออกเดินทางคือ 10:00 สถานีปลายทางคือสถานี JR Kitakata ขึ้นรถไฟที่ชานชาลาที่ 1
เมื่อลงมาถึงชานชาลาก็จะพบกับรถไฟขบวนสีดำตัดกับสีแดงดูคลาสสิค ผู้โดยสารคนอื่นๆ เริ่มทยอยกันมาขึ้นรถไฟรอแล้ว ส่วนเราขอไปถ่ายรูปที่ระลึกกับป้ายที่พนักงานมาถือรอส่งพวกเราให้เดินทางโดยสวัสดิภาพก่อน

ถ่ายภาพที่ระลึกกับเพื่อนร่วมเดินทาง
ตรงทางขึ้นเจ้าหน้าที่รถไฟมายืนต้อนรับและแจกของที่ระลึกด้วย ข้างในมีอะไรนะ
ของที่ระลึกที่ว่านี้แจกเนื่องในโอกาสครบรอบ 150 ปีการรถไฟญี่ปุ่น ถุงกระดาษใส่ของนี้เป็นถุงกระดาษวาชิ (กระดาษญี่ปุ่น) สั่งทำพิเศษจากหมู่บ้าน Samegawa-Mura จ.ฟุกุชิม่า ข้างในมีพวงกุญแจรูปอะกะเบโกะ (วัวแดงเครื่องรางและสัญลักษณ์ของจ.ฟุกุชิม่า) และ Fuku Kouzo Cookie เป็นคุกกี้ที่มีใบ Paper Mulberry (ปอสา) เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งที่จ.ฟุกุชิม่าจะใช้ใบ Paper Mulberry นี้ในการทำกระดาษวาชิ จากการหาข้อมูลเราคิดว่าน่าจะคล้ายกับกระดาษสาของไทย เพิ่งรู้ว่าเอามาทานได้ด้วยสุดยอดเลย

เราเลือกจองที่นั่งแบบ 2 คนมา เมื่อรถไฟออกสักพักก็มีพนักงานเสิร์ฟนำขนมหวานออริจินัลมาเสิร์ฟพร้อมกับน้ำลูกพีชของฟุกุชิม่ากระป๋องสีชมพูหวานแหวว

สำหรับเมนูของหวานประจำเดือนตุลาคมคือ..โยเกิร์ตมูสทาร์ตหน้าสาลี่ของจ.ฟุกุชิม่า (ซ้าย) และช็อกโกครีมทาร์ตหน้าสาลี่ของจ.ฟุกุชิม่า (ขวา) ทำให้เรารู้ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า เดือนตุลาคมคือฤดูกาลของสาลี่นั่นเอง โดยขนมหวานมาจากร้าน fruit peaks ร้านขนมหวานชื่อดังของจ.ฟุกุชิม่า

โยเกิร์ตมูสทาร์ตหน้าสาลี่—โยเกิร์ตมูสหวานพอดีละมุนลิ้น ผสานกับความหวานกรอบของสาลี่และมีความเปรี้ยวเล็กๆ จากผลไม้อื่นๆ บนหน้าทาร์ต กลมกล่อมและนัวสุดๆ
ช็อกโกครีมทาร์ตหน้าสาลี่—ครีมช็อกโกแลตมีความหวานแบบไม่เลี่ยน ทานคู่กับสาลี่ องุ่น และตัวทาร์ต ได้รสชาติที่บาล๊านซ์กำลังดี อร่อยจนทานหมดแบบไม่รู้ตัวไปเลย
ส่วนน้ำลูกพีช 100% ผลผลิตของฟุกุชิม่าก็มีความนุ่มหวานแบบธรรมชาติ พนักงานแนะนำว่าให้เขย่ากระป๋องก่อนเปิดดื่มเพราะมีเนื้อพีชผสมอยู่ด้วย ว่าจะค่อยๆ ทานขนมไปดื่มไปชมวิวไป ที่ไหนได้ขนมอร่อยทานเพลินหมดเร็วมาก ฮา ว่าแล้วก็เดินไปที่ตู้ 1 กดกาแฟเย็นมาจิบต่อดีกว่า

*เครื่องดื่มนั้นสามารถเติมได้ไม่อั้น แต่ถ้าอยากได้แบบร้อนให้ออเดอร์กับพนักงาน แต่ถ้าชอบแบบเย็นๆ สามารถไปหยิบแก้วมากดเองได้เลยที่ตู้ที่ 1
วันที่เราขึ้นรถไฟโชคดีสุดๆ ที่อากาศดีมาก แดดออกแสงสวย อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 14-15 องศาเซลเซียส เรียกได้ว่าอบอุ่นเลยทีเดียวสำหรับช่วงฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ และอีกหนึ่งความเพลิดเพลินของการนั่ง FruiTea Fukushima ก็คือการนั่งชมวิวนอกหน้าต่างนั่นเอง

ช่วงที่เราไปปลายเดือนตุลาคมก็จะได้เห็นธรรมชาติสีเขียวที่แซมด้วยใบไม้เปลี่ยนสีทั้งสีเหลือง สีส้ม สีแดง ยิ่งมีแสงแดดมากระทบด้วยแล้วเป็นภาพวิวที่สวยงามไม่รู้ลืมเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังได้เห็นวิวทุ่งนาบรรยากาศชนบทสไตล์ญี่ปุ่น และที่เป็นไฮท์ไลท์วิวพระเอกเลยก็คือ วิวภูเขาบันได!! เมื่อเข้าเขตพื้นที่ไอสึเราจะได้เห็นภูเขาบันไดตระหง่านอยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่มีความสำคัญและเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจ.ฟุกุชิม่า สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,816 เมตร อีกทั้งได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุด ด้วยแสงแดดที่สาดส่องในช่วงปลายตุลาคม ยิ่งทำให้ภาพวิวภูเขาบันไดยิ่งสวยขึ้นอีกเท่าตัว แค่ได้นั่งมองก็เหมือนได้รับพลังธรรมชาติแล้ว
ลองไปชมวีดีโอภาพวิวสั้นๆ ที่เราเก็บมาฝากเพื่อนๆ กันดูนะ


นอกจากวิวประทับใจไม่รู้ลืมแล้ว ที่ตู้ 1 จะมีพื้นที่ว่างๆ ให้เราไปยืนชมวิว หรือถ่ายรูปกับพร็อพได้ด้วยจากสถานี JR Koriyama ไปสถานี JR Aizu-Wakamatsu ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 44 นาที เรียกได้ว่าเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ที่เราลืมเวลาไปเลย ทั้งตื่นตาตื่นใจกับขนมหวานที่ทานหมดในพริบตา และตื่นเต้นสุดๆ กับวิวนอกหน้าต่าง

เส้นทางเดินรถไฟ การจอง และรายละเอียดเพิ่มเติม
รถไฟ FruiTea Fukushima เป็นรถไฟขบวนพิเศษวิ่งบนทางรถไฟสาย JR Ban’etsu West ตั้งต้นที่สถานี JR Koriyama แล้วแวะจอดที่สถานี JR Bandai-Atami, สถานี JR Inawashiro, สถานี JR Aizu-Wakamatsu (สถานีที่พวกเราลงเพื่อไปเที่ยวในครั้งนี้) แล้วไปสิ้นสุดที่สถานี JR Kitakata ในจังหวัดฟุกุชิม่า (ในบางฤดูอาจไปสิ้นสุดที่สถานี JR Sendai และมีบางขบวนวิ่งบนเส้นทางอื่นด้วย แนะนำให้เช็คที่เว็บไซต์ก่อนนะ) หรือจะไปเริ่มต้นขึ้นรถไฟที่สถานี JR Kitakata ก็ได้ ในหนึ่งวันรถไฟจะวิ่งสองเที่ยวคือขาไปและขากลับ เราสามารถเลือกขึ้นรถไฟ ณ สถานีที่รถไฟจอดได้เลย แต่เนื่องจากเป็นรถไฟเพื่อการท่องเที่ยว FruiTea Fukushima จะไม่ได้วิ่งทุกวันนะ ส่วนใหญ่จะวิ่งเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์
สำหรับการโดยสารรถไฟขบวนนี้คือ ตั๋วรถไฟ Fruitea Fukushima จะเป็นแบบแพ็กเกจท่องเที่ยว ซึ่งไม่สามารถใช้บัตร Japan Rail Pass หรือ JR EAST PASS ในการโดยสารได้เหมือนรถไฟทั่วไป ดังนั้นเพื่อนๆ จะต้องจองที่นั่งล่วงหน้าที่ JR East View Travel Service Center ในสถานีต่างๆ ในภูมิภาคโทโฮคุหรือกรุงโตเกียว หรือจองผ่านเว็บไซต์ได้เช่นกัน (แต่ตอนนี้มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
ถ้าเพื่อนๆ อยากขึ้น FruiTea Fukushima ต้องรีบหน่อยนะ เพราะรถไฟขบวนนี้จะให้บริการถึงแค่เดือนธันวาคม 2023 นี้แล้ว! มาเก็บความทรงจำดีๆ บนรถไฟคาเฟ่ขบวนพิเศษนี้กันให้ได้นะ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FruiTea Fukushima
เว็บไซต์ Official: แนะนำรถไฟ FruiTea Fukushima
เว็บสำหรับจอง: จองที่นั่ง FruiTea Fukushima(ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
อ่านบทความเกี่ยวกับ FruiTea Fukushima เพิ่มเติม
สายของหวานต้องมา! กินขนมหวานไปนั่งรถไฟไปกับ FruiTea Fukushima!
รีวิว TOHOKU EMOTION รถไฟภัตตาคารหรูเคลื่อนที่

วันนี้เป็นอีกวันที่ท็อปและคินตื่นเต้นกันสุดๆ เพราะเรากำลังจะไปขึ้นรถไฟภัตตาคารสุดหรูกัน อย่ารีรอเพื่อนๆ รีบตามมาเลย
แพลนเดินทางวันนี้ของเรา
แพลนของเราวันนี้ไม่มีอะไรมาก เพราะเราจะไปนั่ง Joyful Train ที่ชื่อว่า TOHOKU EMOTION กัน โดยขึ้นจากสถานี JR Hachinohe จ.อาโอโมริ ไปลงที่ปลายทางสถานี JR Kuji จ.อิวาเตะ จากนั้นก็นั่งกลับมาที่เดิม อาหารที่เสิร์ฟบนรถไฟขาไปและขากลับไม่เหมือนกันนะ ขาไปเป็นคอร์สอาหารกลางวัน ขากลับเป็นคอร์สบุฟเฟ่ต์ของหวาน!! จะเป็นอย่างไรเลื่อนหน้าจอลงไปอ่านกันต่อ
TOHOKU EMOTION คือรถไฟแบบไหนกันนะ

TOHOKU EMOTION เป็นรถไฟ Joyful Train ธีมภัตตาคารหรู ที่อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ของอาหาร ดีไซน์ ศิลปะ และทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รถไฟทั้งขบวนถูกเปลี่ยนให้เป็นภัตตาคารสมคอนเซ็ปต์ ซึ่งเป็นการออกแบบผสมผสานระหว่างความโมเดิร์นกับศิลปะดั้งเดิมของภูมิภาคโทโฮคุ ผู้โดยสารจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่นโทโฮคุตามฤดูกาล ซึ่งจะมี Live Kitchen เป็นครัวแบบเปิดสำหรับปรุงอาหารให้ดูกันต่อหน้า และจะได้ประทับใจกับวิวทิวทัศน์สวยๆ ริมทะเลชายฝั่งซันริคุ (Sanriku Coast) ช่วงที่เราไปเป็นช่วงปลายเดือนตุลาคมก็จะได้เห็นวิวใบไม้เปลี่ยนสี ถ้าหากไปฤดูอื่นวิวนอกหน้าต่างก็จะเปลี่ยนไปไม่ว่าจะไปฤดูไหนก็จะได้เห็นวิวแบบไม่ซ้ำเลยทีเดียว
ขบวนรถไฟ TOHOKU EMOTION ด้านนอกเป็นสีขาวลายผนังอิฐ ประกอบด้วย 3 ตู้ที่มีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไป ตู้ที่ 1 เป็นที่นั่งส่วนตัวแบบกั้นเป็นสัดส่วนพร้อมกับหน้าต่างบานใหญ่มาก ตู้ที่ 2 เป็นส่วนของ Live Kitchen ที่จะมีเชฟผลัดเปลี่ยนกันมาปรุงอาหารให้ดูกันตรงหน้า ตู้ที่ 3 เป็นที่นั่งแบบ Open Dining มีโต๊ะอาหารที่หันหน้าออกนอกหน้าต่างเพื่อชมวิว



TOHOKU EMOTION เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมปี 2013 เพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวแนวชายฝั่งซันริคุ (Sanriku Coast) ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิครั้งใหญ่เมื่อปี 2011
ความประทับใจนับไม่ถ้วนบนรถไฟ TOHOKU EMOTION ทั้งขาไปและขากลับ
เราขึ้นรถไฟจากสถานี JR Hachinohe เมื่อลงไปที่ชานชาลา รถไฟก็มาจอดรออยู่แล้ว แนะนำให้เผื่อเวลาถ่ายรูปนิดนึงจะได้ไม่ต้องรีบๆ เนอะ ด้านนอกของรถไฟมีลวดลายกำแพงอิฐสีขาว พร้อมมีโลโก้ด้านข้าง ดีไซน์เรียบหรูแปลกตา ตรงทางเข้ามีพรมแดงปูให้เดินด้วยนะและมีพนักงานมาคอยยืนต้อนรับ เมื่อก้าวเท้าขึ้นบนรถไฟก็แทบลืมไปเลยว่าอยู่บนรถไฟ มีความรู้สึกว่าเหมือนอยู่ในร้านอาหารหรูอย่างไรอย่างนั้นเลย แค่ขึ้นมาบนรถไฟก็ตื่นเต้นสุดๆ แล้ว

โต๊ะที่เราจองไว้เป็นแบบห้องส่วนตัว บรรยากาศชิวๆ ประมาณนี้

เมื่อนั่งประจำที่แล้วจะมีพนักงานมาเสิร์ฟ Welcome Drink เป็นแอปเปิ้ลไซเดอร์แบบไม่มีแอลกอฮอล์ คัมไป (ชนแก้ว) กันก่อน 1 รอบ สิ่งดีงามอีกสิ่งคือเครื่องดื่มที่เสิร์ฟบนรถไฟเป็นแบบสั่งมาดื่มได้ไม่อั้น ทั้งแบบมีและไม่มีแอลกอฮอล์ ที่ถูกใจเราที่สุดเลยก็คือมี Aomori Apple Cidre (มีแอลกอฮอล์) ให้ดื่มด้วย ชอบมากๆ ก ไก่ล้านตัว ถ้าไม่มาก็อาโอโมริก็ไม่ได้ดื่มนะสิ่งนี้
โชคดีอีกแล้วที่วันที่เราไปนั้นอากาศดีมากเว่อร์ ไปเอาแต้มบุญมาจากหน๊าย ฮา แม้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งอากาศเริ่มหนาวแล้ว แต่แดดแรงขนาดนี้ คือแทบไม่รู้สึกหนาวเลย แต่ก็ไม่ร้อนนะ อากาศเย็นพอดีๆ สดชื่นสุดๆ เมื่อรถไฟเริ่มออกตัว ก็จะได้เพลิดเพลินกับวิวใบไม้เปลี่ยนสีและวิวทะเลชายฝั่งซันริคุ เมื่อถึงตำแหน่งไฮไลท์ รถไฟจะลดความเร็วลงเพื่อให้เราได้กดชัตเตอร์ถ่ายรูปกันรัวๆๆ ไปเลย
เนื่องจากรถไฟสายนี้จะวิ่งผ่านเลียบชายฝั่งทะเลเราจึงสามารถนั่งชมความสวยงามของทะเลได้ตลอดเส้นทาง วิวแบบนี้ต้องมาญี่ปุ่นเท่านั้นถึงจะได้เห็น ยิ่งวันที่เราไปเป็นวันท้องฟ้าโปร่งอากาศแจ่มใส จึงเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดมีก้อนเมฆสีขาวประดับสวยงามและประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นภัตตาคารที่ให้เราได้เพลิดเพลินตื่นตากับวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปตลอดเส้นทาง ไม่มีเบื่อเลยทีเดียว


บางจุดก็จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีของฤดูใบไม้ร่วง


ลองไปชมวีดีโอสั้นๆ ของวิวบางส่วนที่เห็นผ่านหน้าต่างรถไฟ TOHOKU EMOTION กันนะ
นอกจากวิวสวยๆ ตลอดเส้นทางแล้ว เราจะได้เห็นชาวบ้านที่ยืนโบกมือให้กับพวกเราตอนที่รถไฟวิ่งผ่านด้วย นั่นก็เพราะจากที่ได้เกริ่นไปด้านบนว่า TOHOKU EMOTION นี้ถูกเปิดตัวขึ้นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิครั้งใหญ่ของภูมิภาคโทโฮคุเมื่อปี 2011 (เหตุการณ์ 3.11) ชาวบ้านจึงพากันมาถือธงโบก (หรือแม้แต่คนอื่นที่ผ่านไปมาก็จะโบกมือให้) เป็นสัญลักษณ์แสดงความขอบคุณที่พวกเรามาเยือนบ้านเมืองของพวกเขา ซึ่งเป็นการช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่บริเวณนี้ไปในตัวด้วยนั่นเอง ประทับใจอะ ได้เที่ยวสนุกสนานอิ่มเอมใจแล้วยังรู้สึกภูมิใจเล็กๆ ที่ได้มีส่วนช่วยเหลือคนในพื้นที่ด้วย

TOHOKU EMOTION ขาไป (สถานี JR Hachinohe ไปสถานี JR Kuji): Lunch course สุดพิเศษอร่อยไม่รู้ลืม
เมื่อรถไฟออกเดินทางได้สักพักพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารให้เรา เมนูของเราในวันนี้ประเดิมด้วยออเดิร์ฟ 5 อย่าง เสิร์ฟมาในกล่องไม้ไอสึคิริ (คิริ = พอโลเนีย; Paulownia ไม้ที่คนญี่ปุ่นนิยมนำมาทำกล่องเก็บกิโมโนหรือตู้เสื้อผ้า) ภายในกล่องประดับด้วยใบเมเปิ้ล เข้ากับบรยากาศฤดูใบไม้ร่วงจริงๆ ซึ่งเมนูวันนี้มีทั้งผักฤดูใบไม้ร่วง ปลาซัมมะ และวัตถุดิบตามฤดูของภูมิภาคโทโฮคุ ที่เราว่าเป็นเมนูแปลกแต่อร่อยคือ ชิฟฟ่อนเค้กจากกากสาเกของจ.อาคิตะ กับ มูสหัวหอมใหญ่ เห็นชื่อเมนูแล้วนึกรสชาติไม่ออกเลย สำหรับชิฟฟ่อนเค้กกากสาเกนั้นรสชาติไม่หวานมาก แปลกดี มูสหัวหอมใหญ่ก็ไม่แย่เลย ได้รสของหัวหอมใหญ่เบาๆ และเนื้อมูสมีความนุ่มละมุน
เมนูต่อมาคือ เมนูปลา เป็นปลามะไดทอดซอสเนย meunière ในซุปครีมเห็ด ทานคู่กับขนมปัง เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
เมนู Main Dish คือเนื้ออกเป็ดสึการุย่าง เนื้อนุ่มมากอร่อยเป็นที่สุด
ของหวานมาในกล่องที่มีการเพ้นท์แบบ Aizu Nuri (เป็นเทคนิคการลงสีเครื่องเขินแบบไอสุ ) เมื่อดึงเชือกทั้งสองด้านเปิดออกมาจะพบกับขนมหวาน 3 ชนิดคือ ชีสเค้ก พุดดิ้ง White Egg และ เยลลี่มะเดื่อญี่ปุ่นต้มไวน์แดง ดูเหมือนจะน้อยแต่อิ่มมาก ทานแล้วรับรู้ได้เลยถึงความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบ การปรุง และภาชนะที่ใช้นอกจากจะได้อร่อยกับรสชาติแล้วยังเพลิดเพลินสายตาอีกด้วย
สถานีปลายทางคือสถานี JR Kuji จ.อิวาเตะ หากพูดถึงเมืองคุจิหลายคนจะนึกถึงอำพัน(Amber) และไข่หอยเม่น เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นโลเกชั่นถ่ายทำละครเช้าสุดฮิตของช่อง NHK เรื่อง Amachan (อามะจัง) ด้วยนะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวไฮสคูลจากโตเกียวติดตามแม่มาอยู่บ้านเกิดกับยายในชนบทที่แถบคิตะซันริคุ โดยอาชีพหลักของคนที่นี่คืออาชีพดำน้ำเก็บไข่หอยเม่น (อามะ) หญิงสาวประทับใจในความเก่งของคุณยายจึงบอกกับทุกคนว่าจะเป็นอามะให้ได้!!

ที่นี่มีเวลาให้เราเดินเที่ยวแค่ชั่วโมงนิดๆ ก่อนจะกลับมาขึ้นรถไฟ TOHOKU EMOTION ขากลับอีกรอบ เพราะฉะนั้นอย่าเดินไปไหนไกลและอย่าเดินเพลินละ เดี๋ยวตกรถ
TOHOKU EMOTION ขากลับ (สถานี JR Kuji ไปสถานี JR Hachinohe): Dessert Buffet course ของหวานทานไม่อั้น
เมืองคุจิ ณ สถานี JR Kuji เป็นเมืองชนบทเล็กๆ ที่เงียบสงบ บรรยากาศในเมืองดีมาก ทำให้เราเดินเล่นกันเพลินจนเกือบไปไม่ทันเวลาออกรถไฟ วิ่งตับแลบเลยจ้า กรี๊ดด
ตอนขึ้นรถไฟที่สถานี JR Kuji ก็มีพนักงานมายืนต้อนรับเช่นกัน เที่ยวนี้มีป้ายด้วยนะ
ขากลับเราจองที่แบบ Table Dining ที่ตู้ 3 เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นั่งหันหน้าออกหน้าต่างชมวิวกันเต็มๆ ไปเลย

อีกหนึ่งเสน่ห์ของ TOHOKU EMOTION คือมีลูกเล่นเล็ก ๆ ที่เป็นงานฝีมือพื้นบ้านดั้งเดิมเอกลักษณ์โดดเด่นของโทโฮคุซ่อนอยู่ตาม Interior และเฟอร์นิเจอร์ภายในตู้รถไฟ เช่น งานทำลวดลายแบบโคกินซะชิ (Koginzashi) ของจังหวัดอาโอโมริ งานขัดเงาด้วยเทคนิคโอกัตสึ สึสึริ (Oogatsu zuduri, การขัดหินแท่นหมึก) ของจังหวัดมิยางิ หรือ โคมไฟสไตล์วินเทจที่ได้แรงบันดาลใจจากอำพัน อัญมณีที่เป็นของขึ้นชื่อเมืองคุจิ (Kuji City) ในจังหวัดอิวาเตะ เป็นรถไฟที่อัดแน่นไปด้วยสตอรี่ที่แท้ทรู


อาหารที่เสิร์ฟเที่ยวขากลับของ TOHOKU EMOTION เป็นคอร์สบุฟเฟ่ต์ขนมหวาน ซึ่งก็ตามชื่อเลยคือ สั่งมาทานได้ไม่อั้น เมนูจะเริ่มจาก Assorted Dessert Plate เป็นเหมือนเมนูเปิดตัว มีไวท์ช็อกโกแลตรูปโลโก้รถไฟประดับด้วย เก๋ไม่เบา เคียงคู่มากับเค้กบาวาโร่สาลี่ ด้านซ้ายเป็นชูครีมไส้เกาลัด ขวาคือเชอร์เบทแบล็คเคอร์แร้นท์ เมนูเปิดตัวจะได้คนละ 1 จาน หลังจากนี้ก็สามารถสั่งของหวานตามเมนูได้เลย

ของหวานแบบสั่งมาทานได้ไม่อั้นมีทั้งหมด 6 ชนิด มีทั้งเค้กชอคโกแลต เยลลี่ พานาคอตต้า เป็นต้น นอกจากขนมหวานแล้วยังมีเมนูพวกแฮม ซีฟู้ด มิกซ์นัต ให้ทานด้วย คิดว่าน่าจะเผื่อสำหรับคนที่ไม่ชอบทานของหวาน สำหรับเราแล้วชอบทั้งของหวานของคาว โดยเฉพาะซีฟู้ดหมักซอสมาริเนะ อันนี้สั่งมาทานเป็น 10 รอบเห็นจะได้ อร่อยเกิ๊น
สำหรับเครื่องดื่มแน่นอนว่าเป็นแบบสั่งมาดื่มได้ไม่อั้นเหมือนเดิม มีทั้งเครื่องดื่มร้อนเย็น และแอลกอฮอล์ หลักๆ เราจะสั่งนำ้แอปเปิ้ลอาโอโมริ มาถึงที่แล้วไม่ดื่มเดี๋ยวเขาว่ามาไม่ถึง ขากลับเป็นช่วงบ่ายตะวันเริ่มคล้อย แสงแดดยังส่องวิวให้เราได้ถ่ายรูปได้ไม่หยุดหย่อนอีกเช่นเคย


เส้นทางเดินรถไฟ การจอง และรายละเอียดเพิ่มเติม

รถไฟ TOHOKU EMOTION จะเริ่มออกเดินทางจากสถานี JR Hachinohe หรือสถานี JR Kuji โดยระหว่างทางจะไม่หยุดจอดที่สถานีใดเลย หากขึ้นจากสถานี JR Hachinohe อาหารที่เสิร์ฟจะเป็น Lunch Course และหากขึ้นจากสถานี JR Kuji อาหารที่เสิร์ฟจะเป็น Dessert Buffet Course ราคาจะต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับคอร์สอาหารและประเภทของที่นั่ง
ตั๋วรถไฟ TOHOKU EMOTION จะเป็นแบบแพ็กเกจท่องเที่ยว ไม่สามารถโดยสารฟรีได้ด้วย Japan Rail Pass, JR EAST PASS หรือตั๋วรถไฟอื่นๆ ดังนั้นผู้โดยสารจะต้องซื้อตั๋วและจองที่นั่งก่อนทุกครั้ง เนื่องจากเป็นขบวนที่ได้รับความนิยมมากแนะนำให้รีบจองแต่เนิ่นๆ นะ
สำหรับการจองตั๋วจะต้องจองที่นั่งล่วงหน้าที่ JR East View Travel Service Center ในสถานีต่างๆ ในภูมิภาคโทโฮคุหรือกรุงโตเกียว เช่นสถานีโตเกียว ชินจูกุ อุเอโนะ จะมีพนักงานที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ประจำอยู่ นอกจากนี้ก็สามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้ แต่ตอนนี้มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FruiTea Fukushima
เว็บไซต์ Official: แนะนำรถไฟ TOHOKU EMOTION
เว็บสำหรับจอง: จองที่นั่ง TOHOKU EMOTION(ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
อ่านบทความเกี่ยวกับ TOHOKU EMOTION เพิ่มเติม
แนะนำ Joyful Train: TOHOKU EMOTION รถไฟภัตตาคารเคลื่อนที่สุดหรู!ทริปตะลุยญี่ปุ่นตอนเหนือ นั่ง Joyful Train สัมผัสเสน่ห์โทโฮคุ [ตอนจบ]
เดินทางไปเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุและไปนั่ง Joyful Train ยังไงให้ประหยัดค่าเดินทางมากที่สุด
รถไฟ Joyful Train ทั้ง FruiTea Fukushima และ TOHOKU EMOTION มีลักษณะเป็นแพ็คเกจท่องเที่ยวเพราะมีอาหารเสิร์ฟและมีบริการพิเศษอื่นๆ ภายในตู้รถไฟ เราจึงต้องจองที่นั่งและซื้อตั๋วล่วงหน้าแยกออกจากตั๋วประเภทอื่นๆ แต่การจะเดินทางไปขึ้นรถไฟหรือการเดินทางท่องเที่ยวภายในพื้นที่ภูมิภาคโทโฮคุนั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทาง อย่างเช่น ค่าตั๋วรถไฟชินกันเซ็นจากสถานีโตเกียวไปสถานี JR Hachinohe แบบจองที่นั่งก็ราคา 16,590 เยน/เที่ยวแล้ว ถ้าเราแพลนเที่ยวสัก 5 วันค่าเดินทางจะพุ่งไปเบอร์ไหน โอ้วไม่อยากจะคิด แต่เพื่อนๆ ไม่ต้องกังวลไปเรามีทางเลือกแบบสุดคุ้มมาฝากนั้นก็คือ…
JR EAST PASS (Tohoku area) ราคา 20,000 เยน สามารถขึ้นรถไฟและชินกันเซ็นในเครือ JR East ได้ไม่จำกัดจำนวนรอบตลอดระยะเวลา 5 วันติดกัน!!
ตั๋วประเภทนี้ทาง JR East เขาจัดให้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นและไม่ได้ถือพาสปอร์ตญี่ปุ่นเท่านั้น บอกเลยว่ามันทั้งสุดยอดสุดคุ้ม คุ้มกว่านี้ไม่อีกแล้ว นอกจากนี้เรายังใช้ตั๋วนี้จองที่นั่งบนรถไฟชินกันเซ็นล่วงหน้า 1 เดือนได้ฟรีอีกด้วย ทุกอย่างสามารถทำแบบออนไลน์ได้ทั้งหมดทั้งการซื้อตั๋ว JR EAST PASS หรือการจองที่นั่งบนรถไฟสะดวกมากๆ เมื่อเราไปถึงญี่ปุ่นเราก็ไปรับตั๋วที่เคาน์เตอร์ หรือสามารถรับตั๋วที่ตู้รับตั๋วอัตโนมัติได้ที่สถานีใหญ่ๆ เช่น สนามบินนาริตะ สถานีโตเกียว สถานีชินจูกุ เป็นต้น
ถ้ามีแพลนไปเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุละก็อย่าลืมนึกถึง JR EAST PASS (Tohoku area) นะคะ
ข้อมูลเกี่ยวกับ JR EAST PASS (Tohoku area)
ราคา: ผู้ใหญ่ 20,000 เยน, เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 10,000 เยน
ระยะเวลาการใช้ตั๋ว: 5 วันติดกัน
พื้นที่ที่ใช้ตั๋วได้: ภูมิภาคโทโฮคุ, ภูมิภาคคันโต
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและซื้อตั๋วได้ที่ Official Website: jreast.co.jp