Nissan Sakura EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กของ Nissan ถูกนำมาใช้เป็นรถแท็กซี่ในจังหวัดเกียวโต โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คาดว่านี่จะเป็นครั้งแรกของญี่ปุ่นที่นำรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV มาใช้เป็นรถแท็กซี่ นับว่าเป็นการท้าทายข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้าในเรื่องระยะการขับขี่ (ระยะทางที่สามารถขับได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง) พอสมควร แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของพลังงานสะอาดที่น่าติดตาม อีกทั้งโปรเจ็คต์ในครั้งนี้ ยังมาพร้อมแคมเปญน่าสนใจ ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่หันมาสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
3 บริษัทแท็กซี่ที่นำรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Sakura มาใช้ ได้แก่ MK Taxi, Miyako Taxi และ Kyoto daiichi koutsu ซึ่งทั้งหมดเป็นสมาชิกของสมาคม Kyoto Taxi Association โดยทาง Nissan ได้กล่าวถึงโครงการในครั้งนี้ไว้ว่า
“โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันของ Nissan ผู้บุกเบิก พัฒนาและเผยแพร่รถยนต์ไฟฟ้าในขณะนี้ ร่วมกับจังหวัดเกียวโตที่ดำเนินงานภายใต้สนธิสัญญาเกียวโตในการป้องกันปัญหาภาวะโลกร้อนเพื่อก้าวไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในฐานะเมืองผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงอีก 3 บริษัทที่เป็นสมาชิกของ Kyoto Taxi Association ในการทำงานร่วมกันโดยใช้รถ EV สร้างสังคมไร้การปล่อยสารพิษคาร์บอนไดออกไซด์”
ในจังหวัดเกียวโตมีถนนและทางลาดชันค่อนข้างมาก ดังนั้นความต้องการแท็กซี่ EV ขนาดเล็กจึงเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ถ้าเป็นรถ EV จะทำรัศมีวงเลี้ยวแคบได้ดีเยี่ยม และเร่งความเร็วได้อย่างไม่เป็นปัญหาซึ่งนี่ถือเป็นข้อได้เปรียบของรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้ง สิ่งสำคัญคือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เหมาะกับการให้บริการในพื้นที่เกียวโตอันเป็นเมืองเก่าที่ชาวเมืองรัก
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการโปรโมทรถยนต์ไฟฟ้าที่มีจุดเด่นเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม บริษัทแท็กซี่แต่ละแห่งร่วมกับ Nissan จะจัดแคมเปญให้บริการ “DONATION TAXI” หรือแท็กซี่การกุศลจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2023 โดยมาพร้อมเงื่อนไขน่าสนใจคือ การร่วมบริจาค 10 เยนในทุกๆ 1 กิโลเมตรให้กับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในจังหวัดเกียวโต
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ บริษัทแท็กซี่แต่ละแห่งได้ทำการคัดเลือกผลงานภาพวาดของนักเรียนประถมในจังหวัดเกียวโตซึ่งส่งเข้ามาภายใต้หัวข้อ “มุ่งสู่ CO2 Zero Challenge” ขึ้นมา 3 ชิ้น แล้วนำภาพที่ได้รับเลือกมาเป็นลวดลายบนรถแท็กซี่ออกวิ่งในโครงการครั้งนี้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นโครงการที่ไม่ได้ใส่ใจแค่สิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับผู้คนในท้องถิ่น นี่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีไม่น้อยเลย และน่าติดตามว่าญี่ปุ่นจะผลักดันเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าไปในทิศทางใดอีกบ้างในอนาคต
ที่มาและรูปภาพ J-cast